Powered By Blogger

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เรื่องราวที่นักเรียนสนใจ(3)


พลังงานทดแทน
   


        เมื่อเราพูดถึงพลังงานทดแทน หลายๆคนก็คงคิดถึงพลังงานธรรมชาติที่เป็นพลังงานสะอาดและสามารถใช้ทดแทนกันได้ตลอดเวลาไม่มีวันหมด อย่าง พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม พลังงานน้ำ และพลังงานคลื่น ที่มีส่วนช่วยให้โลกใบนี้ สามารถขับเคลื่อนไปได้อย่างมั่งคงและมีประสิทธิภาพ และ
ในบทความนี้ คำว่าพลังงานทดแทนจะไม่ได้หมายถึงพลังงานทดแทนของโลกแต่เป็นพลังงานทดแทนของร่างกาย หรือที่เราเรียกกันว่า อาหารเสริมนั้นเอง

ความเป็นจริงของร่างกาย
    ในสมองอันอัจฉริยะของร่างกายเรานั้น ได้ถูกฝังโปรแกรมฝักใฝ่ทางลัดเอา เหมือนกับ ถ้าเราอยากรวยทางลัดเราก็ต่อซื้อลอตเตอร์รี่ เพื่อให้เป้าลุเป้าหมายโดยเร็ว และอยากจะสุขภาพดีก็ยังคิดอยากจะมีทางลัด เช่นวิตามินที่กินแล้วสุขภาพดี โดยไม่ต้องคุมอาหารหรือออกกำลังกาย ซึ่งความคิดเช่นนี้ถือได้ว่า ผิดสุดๆ เพราะร่างกายของเราถูกออกแบบมาให้บริโภคอาหารจริงๆ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อบริโภคอาหารเสริมเป็นเม็ด หรือแคปซูล เพื่อทดแทนอาหารจริง






ทำไมร่างกายจึงไม่ชอบอาหารเสริมเหมือนอาหารจริง
ในความคิดของคนเราส่วนมากนั้น มีความคิดว่าอาหารเสริมน่าจะมีคุณประโยชน์และปริมาณสารอาหารมากกว่าอาหารจริงๆ เพราะมีราคาแพงและส่วนประกอบที่ดีมากมายจนเหลือใช้ในร่างกาย แต่ในความเป็นจริงแล้วอาหารจริงๆนั้น มีคุณประโยชน์มากกว่าอาหารเสริมเป็นหลายเท่า ต่อไปเราจะมาเปรียบเทียบอาหารจริงกับอาารเสริมกัน




อาหารจริง VS อาหารเสริม
1. อาหารจริงๆ จะมีวิตามินแร่ธาตุ หลายร้อยชนิดที่ทำงานร่วมกัน การแยกสารสกัดเป็นเม็ดนั้น และรับประทานเพีลงแค่ไม่กี่ตัวนั้น จะไม่ได้รับผลดีเท่ากับการรับประทานอาหารทั้งหมด
2. วิตามินในอาหารจริงๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ระบบร่างกายของคุณได้ดีกว่า
3. ผักและผลไม้จะมีเส้นใยอาหารที่มีประโยชน์ แต่ในผลิตภัณฑ์อาหารเสริม จะไม่มีเส้นเส้นใยอาหารจากธรรมชาติจริงๆ

แล้วพลังงานทดแทนจะมีบทบาทตอนไหน
1.ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติหรือมีข้อจำกัดในการรับประทานอาหารหลายอย่าง
2.ผู้ดื่มสุราเป็นประจำ
3.ผู้หญิงที่วางแผนจะตั้งครรภ์ ขณะตั้งครรภ์ ขณะให้นมบุตร
4.ผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป
5.ผู้ที่มีปัญหาการดูดซึมของทางเดินอาหาร





 สรุปแล้วอาหารจริงๆนั้นเป็นสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบมาให้กับเราครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ทั้งปริมาณและสารอาหารที่พอเหมาะและเหมาะสมซึ่งเป็นไปตามความต้องการของร่ายกายตามธรรมชาติแล้ว ดังนั้นเราควรจะรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายเป็นประจำ และรับประทานอาหารเสริมในกรณีจำเป็น เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ 
     




ที่มา

http://www.ohayoii.com/article/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87-%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1

http://www.vitaminboom.com/article/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2

http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9570000113803

http://www.krusarawut.net/wp/?p=661

หนังสืออ่านแล้ว Young หน้า 99-101


วันศุกร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Review/แนะนำ การใช้งาน 1 โปรแกรม


Line Dictionary


https://play.google.com/store/apps/details?id=com.naver.android.globaldictenth


    เมื่อเราพูดถึงการจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษขึ้นมา หลายๆคนไม่ว่าจะเป็นเด็กในวัยเรียน ผู้ใหญ่ในวัยทำงาน คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย คงต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เบื่อสุดๆ เพราะนอกจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่มีมากมายหลายร้อยหลายหมื่นคำศัพท์ให้ท่องจำกันในหนังสือเล่มโตกันแล้ว 
เรายังต้องจำ part of speechหรือที่เราเรียนกันว่าประเภทของคำ ที่มีทั้ง คำนาม คำกริยา คำคุณศัพท์ คำวิเศษณ์ คำบุพบท และอื่นๆ ที่ทำให้คำบางคำ เมื่อเติมบางอย่างเขาไปแล้วก็สามารถเปลี่ยนหน้าที่ของคำนั้นๆไปเลย  แต่อย่างไรก็ตามภาษาอังกฤษนั้นถือได้ว่าเป็นภาษาสากลที่คนทั่วโลกยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย ทำให้ต้องมีความจำเป็นอบ่างยิ่งที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษให้เป็นไม่ว่าจะเป็นในเรีื่องของ การพูด การอ่าน การเขียน หรือ การฟัง แต่สิ่งสำคัญ ที่เรานั้นจะต้องมีไว้มากๆในการเรียน หรือใช้ภาษาอังกฤษ นั้นคือ การท่องและรู้คำศัพท์เยอะๆ

http://www.slowlylife.net/%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2-%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4

     อย่างที่ผมได้เกริ่นไวในตอนแรกว่าการท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษนั้นจำเป็นมาก แต่มันก็ทำให้หลายๆคนเบื่อมากเหมือนกัน ทำให้บางคนรู้สึกท้อและหมดความพยายาม ความรักในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
แต่วันนี้ ผมมี ยอดเคล็ดไม่ลับของการท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ ที่จะเป็นความยากและความเบื่อหน่ายให้กลายเป็นความง่ายและความสนุกสนานในการท่องศัพท์ ภาษาอังกฤษ และสิ่งๆนั้นก็คือ 
                                                    
โปรแกรมLine Dictionary

 http://www.jaymart.co.th/review-line-dictionary.asp
โปรแกรม Line Dictionary นั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้เราสามารถท่องจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษง่ายขึ้น ผ่านรูปแบบของการเล่นเกม ที่จะทำให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆมากมายได้ตลอดเวลาอย่างสนุกสนาน
ถึงเวลามาเจาะลึกกันแล้ว !!! 
การดาวน์โหลดโปรแกรมนี้สามารถทำได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือที่มีโปรแกรมดาว์โหลดแอปพลิเคชั่น อย่างเช่น play store หรือ itunes เป็นต้น หลังจากนั้นดาวน์โหลดและติดตั้งลงโทรศพท์มือถือเรียบร้อย
แล้ว เราก็จะเขาไปสู่ หน้าหลังของโปรแกรมนี้ต่อไป

ส่วนที่ 1 translator 
                                                                                                     
ตรงในส่วนนี้จะเป็นส่วนของการแปลภาษาที่เราสามารถตั้งค่าให้แปลจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษหรือแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยก็ได้ ทั้งนี้เราสามารถป้อนข้อความลงไปได้ในทั้งรูปแบบของคำเดี่ยวๆหรือเป็นประโยคก็ได้ โดย
จะมีสัญลักษณ์ลำโพงอยู่ด้านล่างของข้อความภาษาอังกฤษไว้ให้เรากด เพื่อฟังสำเนียงการออกเสียงคำหรือประโยคนั้นๆ โดยแทบบนจะมี
สัญลักษณเป็นรูปนาฬิกา เพื่อดูประวัติของคำศัพท์ที่เราเคยแปล และรูปลูกศรเพื่อการส่งต่อคำที่เราแปลนั้นไปให้คนอื่นๆ ผ่านทาง line, facebook,twitter หรือ URL 

ส่วนที่ 2 Daily English 
                                                             
 ในส่วนนี้จะเป็นส่วนที่เสนอบทสนทนาคำคมและสุภาษิตใหม่ๆ
ที่อัปเดตแบบรายวันที่จะทำให้เราสามารถเรียนรู้บทสนทนาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และคำคมสุภาษิต ที่ดีๆสอนการใช้ชีวิตเรา มาพร้อมกับคำแปลภาษาไทย และสัญลักษญ์ลำโพงเพื่อการออกเสียงที่ถูกต้อง และมีส่วนเพิ่มเติม (more) ที่เป็นประโยคอื่นๆที่เกี่ยวข้อง






ส่วนที่ 3 Word Up


                    
    ส่วนนี้เป็นส่วนของเกมคำศัพท์ที่เราสามารถเลือกระดับความยากง่ายในการเล่นที่มีทั้ง
ระดับขั้นพื้นฐาน ระดับขั้นกลาง และระดับขั้นสูง โดยจะมีคำศัทพ์มากกว่า 1000 คำที่จะให้เราได้เรียนรู้กัน
ขั้นแรก 
เกมจะให้เราจำคำศัพท์ประมาณ 5 คำต่อการเล่นหนึ่งรอบโดยบอกทั้งความหมาย การอ่าน และการออกเสียงคำที่ถูกต้อง
ขั้นที่สอง
เกมจะให้เราจับคู่ความหมายของคำศัพท์ที่เราได้จำไปในขั้นแรก โดยเกมจะให้ความหมายของของคำศัพท์นั้นมาเป็นภาษาไทย และให้เราเลือกคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ตรงกันให้ถูกต้อง โดยมีการจับเวลาเพื่อความสนุกสนาน

                                http://www.iphonemod.net/line-dictionary-feature-words-up.html

ขั้นที่ 3
เป็นการเรียงคำศัพท์ตามลำดับให้เป็นประโยคที่ถูกต้องตามประโยคภาษาไทยที่เกมจัดไว้ให้



ขั้นทดสอบ
เป็นการเติมคำศัพท์ที่เราจำไว้ในส่วนแรกลงไปในช่องว่างเพื่อทดสอบความเข้าใจและการสะกดคำ โดยคำตอบจะถูกแสดงหลังจากเติมคำเรียบร้อยแล้ว
                           
              และนี้ก็คือรูปแบบใหม่ของการจำศัพท์ภาษาอังกฤษที่จะเปลี่ยนความยุ่งยากและความน่าเบื่อหน่ายให้กลายเป็นความสนุกตื่นเต้นที่ทำให้เราอย่างจะมาเรียนรู้คำศัพท์ภาษาอังกฤษใหม่ๆได้อย่างสะดวกสบายทุกที่ทุกเวลา โดยจะมีการแจ้งเตือนคำศัพท์ใหม่ๆเป็นระยะเพื่อชักชวนให้เราเขาไปเล่นอีกรอบ เพราะภาษาอังกฤษที่จำเป็นและคำศัพท์ที่ต้องรู้นำไปสู่ความสนุกในการเล่นกับศัพท์ใน
                                                                  Line Dictionary

ที่มา (บางรูปภาพ)

http://news.siamphone.com/news-22562.html

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


คอมพิวเตอร์ และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์


สวัสดีทุกๆคนครับ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสิ่งของมหัศจรรย์ที่มีความสามารถต่างๆมากมายจนเราคิดไม่ถึงกันเลยที่เดียว และสิ่งๆนั้นก็คือ คอมพิวเตอร์ที่เรารู้จักและใช้กันเป็นประจำนั้นเอง
                                                http://pngimg.com/download/7713
แล้วความหมายที่เขามอบให้กับวัตถุหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นนี้คืออะไรกัน ?
คอมพิวเตอร์ (Computer) เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการเขียนคำสั่ง สั่งให้ทำงาน
ตามที่กำหนดไว้เพื่ออำนวยความสะดวกและช่วยแบ่งเบาการทำงานของเราให้มีความถูกต้อง
รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คอมพิวเตอร์์์ ที่ใช้กันในปัจจุบันมีต้นกำเนิดมาจาก"ลูกคิด" ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการคำนวณ ของจีนมาแต่โบราณแล้ว จึงค่อย ๆ พัฒนามาเป็นเครื่องคิดเลขแบบฟันเืฟือง มาจนกระทั่งเป็นเครื่องที่ทำงานด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์โดยการใช้กระแสไฟฟ้า
  
หลังจากที่เราได้ทำความรู้จักกับคอมพิวเตอร์กันแล้วเราจะไปดูส่วนประกอบต่างๆของคอมพิวเตอร์กันเลย

จำแนกหน้าที่ของฮาร์ดแวร์ต่างๆ สามารถแบ่งเป็นส่วนสำคัญ 4 ประเภท คือ อุปกรณ์นำข้อมูลเข้า (Input Device) อุปกรณ์ประมวลผล (Processing Device) หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device) อุปกรณ์แสดงผล (Output Device) 





อุปกรณ์นำข้อมูลเข้า (Input Device) 
เป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าข้อมูลหรือชุดคำสั่งเข้ามายังระบบเพื่อให้คอมพิวเตอร์ประมวลผลต่อไปได้ ซึ่งอาจจะเป็น ตัวเลข ตัวอักษร ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เสียง เป็นต้น

อุปกรณ์ประมวลผลหลักๆ มีดังนี้

  • หน่วยความจำหลัก (Main Memory) หรือเรียกว่า หน่วยความจำภายใน (Internal Memory) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

    รอม (Read Only Memory - ROM) เป็นหน่วยความจำที่มีโปรแกรมหรือข้อมูลอยู่แล้ว สามารถเรียกออกมาใช้งานได้แต่จะไม่สามารถเขียนเพิ่มเติมได้ และแม้ว่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงให้แก่ระบบข้อมูลก็ไม่สูญหายไป







    แรม (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำที่สามารถเก็บข้อมูลได้เมื่อมีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้น เมื่อใดไม่มีกระแสไฟฟ้ามาเลี้ยงข้อมูลที่อยู่ในหน่วยความจำชนิดนี้จะหายไปทันที

    • ซีพียู (CPU-Central Processing Unit) หน่วยประมวลผลกลางหรือซีพียู เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า

      โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (Chip) นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อนเข้ามาทางอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลตามชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน หน่วยประมวลผลกลาง 




    • เมนบอร์ด (Main board) เป็นแผงวงจรต่อเชื่อมอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักของ พีซีทุกเครื่อง เพราะจะบอกความสามารถของเครื่องว่าจะใช้ซีพียูอะไรได้บ้าง มีประสิทธิภาพเพียงใด สามารถรองรับกับอุปกรณ์ใหม่ได้หรือไม่


      รูปที่ 3 เมนบอร์ด หรือแผงวงจรหลัก 
    • ซิปเซ็ต (Chip Set) ซิปเซ็ตเป็นชิปจำนวนหนึ่งหรือหลายตัวที่บรรจุวงจรสำคัญๆ ที่ช่วยการทำงานของซีพียู และติดตั้งตายตัวบนเมนบอร์ดถอดเปลี่ยนไม่ได้ ทำหน้าที่เป็นตัวกลางประสานงานและควบคุมการทำงานของหน่วยความจำรวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างทั้งแบบภายในหรือภายนอกทุกชนิดตามคำสั่งของซีพียู เช่น SiS, Intel, VIA, AMD เป็นต้น
    หน่วยเก็บข้อมูลสำรอง (Secondary Storage Device) 
    เนื่องจากหน่วยความจำหลักมีพื้นที่ไม่เพียงพอในการเก็บข้อมูลจำนวนมากๆ อีกทั้งข้อมูลจะหายไปเมื่อปิดเครื่อง ดังนั้นจำเป็นต้องหาอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เช่น
    • ฮาร์ดดิสก์ (Hard Disk) เป็นฮาร์ดแวร์ที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ ทั้งโปรแกรมใช้งานต่างๆ ไฟล์เอกสาร รวมทั้งเป็นที่เก็บระบบปฏิบัติการที่เป็นโปรแกรมควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ด้วย 


    • ฟล็อบปี้ดิสก์ (Floppy Disk) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลที่มีขนาด 3.5 นิ้ว มีลักษณะเป็นแผ่นกลมบางทำจากไมลาร์ (Mylar) สามารถบรรจุข้อมูลได้เพียง 1.44 เมกะไบต์ เท่านั้น 



    • ซีดี (Compact Disk - CD) เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลแบบดิจิทัล เป็นสื่อที่มีขนาดความจุสูง เหมาะสำหรับบันทึกข้อมูลแบบมัลติมีเดีย ซีดีรอมทำมาจากแผ่นพลาสติกกลมบางที่เคลือบด้วยสารโพลีคาร์บอเนต (Poly Carbonate) ทำให้ผิวหน้าเป็นมันสะท้อนแสง โดยมีการบันทึกข้อมูลเป็นสายเดียว (Single Track) มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 120 มิลลิเมตร ปัจจุบันมีซีดีอยู่หลายประเภท ได้แก่ ซีดีเพลง (Audio CD) วีซีดี (Video CD - VCD) ซีดี- อาร์ (CD Recordable - CD-R) ซีดี-อาร์ดับบลิว (CD-Rewritable - CD-RW) และ ดีวีดี (Digital Video Disk - DVD)




    อุปกรณ์แสดงผลลัพธ์ เป็นอุปกรณ์สำหรับแสดงผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ผลลัพธ์ที่แสดงออกมาจะมีทั้งข้อมูลตัวอักษรภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว หรือเสียง เป็นต้น อาจแบ่งออกได้เป็น ประเภทดังนี้

    1. อุปกรณ์แสดงผลหน้าจอ ( Display device ) เป็นอุปกรณ์สำหรับการแสดงผลในรูปแบบกราฟิกและผู้ใช้สามารถเห็นผลลัพธ์ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น เมื่อไฟดับหรือปิดการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ลงไปจะไม่สามารถเห็นได้อีก บางครั้งนิยมเรียกอุปกรณ์ประเภทนี้ว่าsoft copy นั่นเอง เช่น
              เทอร์มินอล ( Terminal ) มักพบเห็นได้กับจุดบริการขาย ( POS-Point Of Sale ) ตามห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ หรือจุดให้บริการลูกค้าเพื่อทำรายการบางประเภท เช่น ตู้รายการฝากถอน ATM อัตโนมัติ จอภาพของเทอร์มินอลจะมีขนาดเล็กกว่าจอภาพที่ใช้กับคอมพิวเตอร์
             จอซีอาร์ที ( CRT Monitor ) เป็นอุปกรณ์แสดงผลที่นิยมใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ประเภทพีซี การทำงานจะอาศัยหลอดแก้วแสดงผลขนาดใหญ่ที่เรียกว่าหลอดรังสีคาโธด ( cathode ray tube ) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับหลอดภาพของโทรทัศน์ และตัวจอภาพก็มีลักษณะเหมือนกับจอภาพของโทรทัศน์ มีหลายขนาดตั้งแต่ 14,15,16,17,19,20 และ 21 นิ้ว เป็นต้น (แนวโน้มการใช้งานปัจจุบันจะเลือกใช้จอภาพที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อช่วยในการทำงานได้ดีกว่าจอภาพขนาดเล็ก โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้พื้นที่สำหรับทำงานบนจอภาพมาก ๆ เช่น การสร้างภาพกราฟิกหรือการออกแบบงาน มิติ เป็นต้น)
                  จอแอลซีดี ( LCD Monitor )  เป็นอุปกรณ์แสดงผลอีกแบบหนึ่ง อาศัยการทำงานของโมเลกุลชนิดพิเศษเรียกว่า “ ผลึกเหลว” หรือliquid crystal ในการแสดงผล  ซึ่งเมื่อมีสัญญาณไฟฟ้าส่งไปยังแต่ละจุดบนจอ ผลึกเหลว ณ จุดนั้นจะมีการบิดตัวของโมเลกุลเป็นองศาที่แตกต่างกัน ทำให้แสงที่ส่องจากด้านหลังจอผ่านได้มากน้อยต่างกัน และเกิดภาพสีต่าง ๆ ขึ้น แต่เดิมนิยมใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบโน๊ตบุ๊ค ปัจจุบันได้นำมาใช้กับเครื่องพีซีทั่วไปบ้างแล้ว เนื่องจากมีขนาดบาง เบาและสะดวกในการเคลื่อนย้ายมากกว่า อีกทั้งยังไม่เปลืองพื้นที่สำหรับการทำงานด้วย แต่ปัจจุบันยังมีราคาที่แพงกว่าจอแบบซีอาร์ทีพอสมควร
     

              โปรเจคเตอร์ ( Projector ) นิยมใช้สำหรับการจัดประชุม สัมมนา หรือการนำเสนอผลงาน ( presentation ) ที่ต้องการให้ผู้เข้าชมจำนวนมากได้เห็นข้อมูลภาพกราฟิกต่าง ๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทำหน้าที่เป็นเหมือนอุปกรณ์ช่วยขยายภาพขนาดเล็กจากจอภาพธรรมดาให้ไปแสดงผลลัพธ์เป็นภาพขนาดใหญ่ที่บริเวณฉากรับภาพ

    2. อุปกรณ์สำหรับพิมพ์งาน ( Print Device )
    เป็นอุปกรณ์การแสดงผลที่แสดงออกมาให้อยู่ในรูปแบบข้อมูล รายงาน รูปภาพ หรือแผนที่ซึ่งสามารถจับต้องหรือเก็บรักษาไว้ได้อย่างถาวร นิยมเรียกอุปกรณ์เหล่านี้ Hard copy อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับการพิมพ์งานมีดังนี้ 
          เครื่องพิมพ์แบบดอทเมตริกซ์( Dot matrix Printer ) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้กันในองค์กรธุรกิจทั่วไป เนื่องจากมีคุณสมบัติในการทำงานพิมพ์โดยอาศัยหัวเข็มพิมพ์กระทบลงไปที่ผ้าหมึก( ribbon ) และตัวกระดาษโดยตรงจึงเหมาะสมกับการพิมพ์เอกสารประเภทใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี ใบส่งของ หรือรายการสั่งซื้อที่จำเป็นต้องมีสำเนาเอกสาร(copy ) เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานทางการบัญชี นิยมเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เครื่องพิมพ์แบบกระทบ(impact printer ) แต่มีข้อจำกัดในเรื่องการทำงานที่เป็นสี นอกจากนี้คุณภาพของงาน ความคมชัด และความเร็วยังต่ำกว่าเครื่องพิมพ์แบบอื่นๆ จึงมีความนิยมใช้ลดลง ถึงแม้มีราคาไม่สูงนักก็ตาม

                เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์( Laser Printer ) ผลลัพธ์ที่ได้จากการพิมพ์เอกสารด้วยเครื่องพิมพ์แบบดอทเมตริกซ์ซึ่งอาศัยหัวพิมพ์กระทบลงไปในกระดาษเหมือหลักการของเครื่องพิมพ์ดีดนั้น ทำให้คุณภาพงานพิมพ์ที่ได้ไม่ชัดเจน จึงนิยมใช้เครื่องพิมพ์ประเภทเลเซอร์เข้ามาแทนเนื่องจากมีความคมชัดมากกว่าเครื่องพิมพ์แบบนี้อาศัยการทำงานของแสงเลเซอร์ฉายลงไปยังหลอดสร้าง( drum ) ภาพที่ได้รับการกระตุ้นของแสง แล้วฉีดผงหมึกเข้าไปยังบริเวณที่มีประจุอยู่(ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับเครื่องถ่ายเอกสารนั่นเอง) จากนั้นให้กระดาษวิ่งมารับผงหมึก แล้วไปผ่านความร้อนเพื่อให้ภาพติดแน่น ข้อดีคือภาพที่ได้มีความละเอียดสูงมาก และความเร็วก็สูง แต่มีข้อเสียคือไม่สามารถพิมพ์เอกสารที่เป็นแบบสำเนา (copy ) เหมือนกับเครื่องพิมพ์แบบดอทเมตริกซ์ได้ นอกจากนี้ปัจจุบันเริ่มมีเครื่องพิมพ์งานสีได้แล้ว โดยใช้ผงหมึก 4 สีผสมกัน ซึ่งราคาเครื่องเริ่มลดลงมากแล้ว แต่ผงหมึกก็ยังแพงอยู่

              เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ต ( Ink-jet Printer ) เป็นเครื่องพิมพ์ที่มีการทำงานโดยอาศัยน้ำหมึกพ่นลงไปบนกระดาษตรงจุดที่ต้องการ และสามารถเลือกใช้ได้ทั้งหมึกสีและขาวดำ เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกอาจมีทั้งแบบราคาถูกที่ใช้งานตามบ้านทั่วไปสำหรับพิมพ์เอกสารที่ต้องการความสวยงาม เช่น ภาพถ่าย โปสการ์ด ปฏิทิน หรือพิมพ์บนกระดาษแบบพิเศษแล้วนำไปติดกับเสื้อผ้าหรือแก้วกาแฟ หรืออาจพบเห็นได้กับเครื่องพิมพ์ในบางรุ่นที่นิยมใช้กันในงานธุรกิจ เช่น งานพิมพ์โปสเตอร์หรือภาพสีขนาดใหญ่ แต่ก็มีราคาที่แพงตามไปด้วย
               พลอตเตอร์ ( Plotter ) เป็นเครื่องพิมพ์เพื่อแสดงผลลัพธ์อีกประเภทหนึ่ง มักใช้กับการพิมพ์เอกสารที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่มากและไม่สามารถพิมพ์ด้วยเครื่องขนาดเล็กได้ การทำงานใช้กลไกบังคับปากกาให้ขีดลงบนกระดาษโดยตรง ส่วนใหญ่เป็นเอกสารที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ภาพโฆษณา แผนที่ แผนผัง แบบแปลน เป็นต้น อย่างไรก็ดีอาจพบเห็นเครื่องพลอตเตอร์นี้ค่อนข้างน้อยในปัจจุบัน เนื่องจากเครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ตได้เข้ามาแทนที่เกือบหมดแล้ว
    3. อุปกรณ์ขับเสียง ( Audio Device )
              ลำโพง (
     Speaker ) ข้อมูลที่เป็นแบบเสียงจะไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ไปยังจอภาพของคอมพิวเตอร์ได้ แต่จะอาศัยอุปกรณ์แสดงผลเฉพาะที่เรียกว่า ลำโพง ( speaker ) เพื่อช่วยขับเสียงออก ปัจจุบันมีราคาถูกมากตั้งแต่ร้อยกว่าบาทจนถึงหลักพัน นิยมใช้สำหรับการแสดงผลในรูปของเสียงเพลงหรือเสียงประกอบในภาพยนตร์รวมถึงเสียงที่ได้จากการพูดผ่านไมโครโฟน


             หูฟัง ( Headphone ) เป็นอุปกรณ์สำหรับรับฟังข้อมูลประเภทเสียงเช่นเดียวกัน นิยมใช้สำหรับการฟังเสียง เช่น ฟังเพลง หรือเสียงประกอบภาพยนตร์ที่เป็นแบบส่วนตัว ในบางรุ่นอาจพบได้ทั้งหูฟังและไมโครโฟนอยู่ในตัวเดียวกัน มีให้เลือกหลายชนิดทั้งแบบที่มีสายเชื่อมต่อและแบบไร้สาย ราคาของหูฟังอาจจะมีตั้งแต่ราคาไม่กี่ร้อยบาทจนถึงหลักพัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพและยี่ห้อของบริษัทผู้ผลิตด้วย

              โดยปกติทั้งหูฟังและลำโพงจะต่อสัญญาณเสียงแบบอนาล็อก ( analog ) คือสัญญาณเสียงทั่ว ๆ ไปเหมือนในวิทยุหรือโทรทัศน์ จากช่องเสียบสัญญาณที่ซาวด์การ์ดในเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่มีลำโพงและหูฟังบางแบบอาจใช้การต่อสัญญาณเสียงในแบบดิจิตอลจากพอร์ตUSB ของเครื่องออกมาแทน แล้วแปลงกลับเป็นเสียงแบบที่เราได้ยินกัน โดยใช้วงจรภายในตัวเอง ซึ่งจะลดเสียงรบกวนจากอุปกรณ์อื่น ๆ ในคอมพิวเตอร์ แต่หูฟังหรือลำโพงแบบนี้ก็จะมีราคาแพงกว่า
    ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์

      เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (computer network)  คือ ระบบที่มีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเชื่อมต่อกันโดยใช้สื่อกลาง และสามารถสื่อสารข้อมูลกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งทำให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้
    1.   ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น    LAN   (Local Area Network)  

      เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้งานอยู่ในบริเวณที่ไม่กว้างนัก   อาจใช้อยู่ภายในอาคารเดียวกันหรืออาคารที่อยู่ใกล้กัน   เช่น   ภายในมหาวิทยาลัย อาคารสำนักงาน คลังสินค้า หรือโรงงาน เป็นต้น การส่งข้อมูลสามารถทำได้ด้วยความเร็วสูง และมีข้อผิดพลาดน้อย ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่นจึงถูกออกแบบมาให้ช่วยลดต้นทุนและเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และใช้งานอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกัน 

    2.   ระบบเครือข่ายระดับเมือง  MAN  (Metropolitan Area Network)
    เป็นระบบเครือข่ายที่มีขนาดอยู่ระหว่าง Lan และ Wan เป็นระบบเครือข่ายที่ใช้ภายในเมืองหรือจังหวัดเท่านั้น การเชื่อมโยงจะต้องอาศัยระบบบริการเครือข่ายสาธารณะ จึงเป็นเครือข่ายที่ใช้กับองค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่น ธนาคาร เครือข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก จึงมีความเร็วในการสื่อสารไม่สูง เนื่องจากมีสัญญาณรบกวนในสาย เทคโนโลยีที่ใช้กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยนำแสง คลื่นไมโครเวฟ คลื่นวิทยุ สายเคเบิล

    3.  ระบบเครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง   WAN    (Wide Area Network)
    เป็นระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานอยู่ในบริเวณกว้าง เช่น ระบบเครือข่ายที่ติดตั้งใช้งานทั่วโลก เป็นเครือข่ายที่เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่อยู่ห่างไกลกันเข้าด้วยกัน อาจจะต้องเป็นการติดต่อสื่อสารกันในระดับประเทศ ข้ามทวีปหรือทั่วโลกก็ได้ในการเชื่อมการติดต่อนั้นจะต้องมีการต่อเข้ากับระบบสื่อสารขององค์การโทรศัพท์หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทยเสียก่อนเพราะจะเป็นการส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารกันโดยปกติมีอัตราการส่งข้อมูลที่ต่ำและมีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด การส่งข้อมูลอาจใช้อุปกรณ์ในการสื่อสาร เช่น โมเด็ม (Modem) มาช่วย

    4. ระบบเครือข่ายส่วนบุคคล  PAN  (Personal area network) 

    เครือข่ายพื้นที่ส่วนบุคคลบลูทูธ (PAN) เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่ทำให้คุณสามารถสร้างเครือข่าย อีเทอร์เน็ต ด้วยการเชื่อมต่อแบบไร้สายระหว่างคอมพิวเตอร์แบบเคลื่อนที่ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์แบบพกพาต่างๆ คุณสามารถเชื่อมต่อกับชนิดของอุปกรณ์ที่รองรับบลูทูธซึ่งใช้กับ PAN ได้ดังต่อไปนี้ อุปกรณ์สำหรับผู้ใช้เครือข่ายพื้นที่ส่วนบุคคล (PANU) อุปกรณ์ที่ให้บริการในเครือข่ายเฉพาะกิจแบบกลุ่ม (GN)หรืออุปกรณ์ในจุดเข้าใช้งานเครือข่าย (NAP)

    ที่มา
    http://www.thaigoodview.com/node/32685

    https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C


    http://www.krunee.com/content123.html


    วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

    วิเคราะห์ข้อสอบ o-net คอมพิวเตอร์



    วิเคราะห์ข้อสอบ o-net คอมพิวเตอร์



    http://www.thaigoodview.com/library/contest2552/type1/tech02/10/picture/Com-01.jpg


    1. FTP ย่อมาจากอะไร

          ก. Files Technology Porcess

          ข. Files Transfer Protocal

          ค. Files Transfer Process
          ง. Files Telecom Protocal

    วิเคราะห์  
    ข้อ ก.ผิด เพราะ คำว่า Files Technology Porcess เขียนผิด จึงไม่มีความหมายที่ถูกต้อง ที่ถูกคือ
    Files Technology Process 
    ข้อ ข.ถูกต้อง เพราะ FTP นั้น ย่อมาจากคำว่า Files Transfer Protocal ที่เป็นโปรโตคอลมาตรฐานในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในการแลกเปลี่ยนไฟล์ ระหว่างคอมพิวเตอร์บนอินเตอร์เน็ต
    ข้อ ค.ผิด เพราะคำว่า Files Transfer Process ไม่มีอยู่จริงในกระบวนการทางคอมพิวเตอร์
    ข้อ ง.ผิด เพราะคำว่า Files Telecom Protocal เขียนผิด จึงไม่มีความหมายที่ถูกต้อง ที่ถูกคือFiles Telecom Protocol

    2. ส่วนหัวจดหมาย (E-mail) Subject มีไว้สำหรับทำอะไร
          ก. การทำสำเนาจดหมาย
          ข. การแนบไฟล์ไปกับจดหมาย
          ค. ระบุหัวเรื่องของอีเมล์ที่จะส่งไป ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร
          ง. การระบุชื่อผู้ส่งจดหมาย
    วิเคราะห์
    ข้อก. ผิด เพราะการทำสำเนาจดหมายไม่ได้ทำในส่วนหัวจดหมายแต่อยู่ในช่องทำสำเนา
    ข้อข. ผิด เพราะการแนบไฟล์ไปกับจดหมายอยู่ในช่องแทรก
    ข้อค. ถูกต้อง เพราะส่วนหัวจดหยามมีไว้สำหรับ ระบุหัวเรื่องของอีเมล์ที่จะส่งไป ว่าเกี่ยวกับเรื่องอะไร
    ข้อง. ผิดเพราะการระบุชื่อผู้ส่งจดหมายไม่ได้ทำขึ้นในส่วนหัวจดหมาย

    3. สัญญาณในคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณชนิดใด
           ก. อนาล็อก
           ข. ดิจิตอล   
           ค. ไฮบริค
           ง. ไฟฟ้า

    วิเคราะห์
    ข้อก. ผิด เพราะสัญญาญอนาล็อกส่วนใหญ่จะอยู่ในระบบโทรศัพท์ เป็นสัญญาณแบบต่อเนื่องเมื่อนำสัญญาณข้อมูลเหล่านี้ผ่านอุปกรณ์รับสัญญาณและแปลงสัญญาณก็จะได้ข้อมูลที่ต้องการ 
    ข้อข. ถูกต้อง เพราะสัญญาณในคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณดิจิตอล
    ข้อค. ผิด เพราะคอมพิวเตอร์ไม่ได้ใช่สัญญาญไฮบริค
    ข้อ ง. ผิดเพราะคอมพิวเตอร์ไม่ได้ใช่สัญญาญไฟฟ้าแต่สิ่งที่ใช้ไฟฟ้าคือตัวระบบคอมพิวเตอร์
    4. CGI (Common Gateway Interface) Program คืออะไร
           ก. โปรแกรมในการติดต่อสื่อสารหน้าต่อหน้า
           ข. โปรแกรมที่ทำงานเป็นตัวกลางระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับไคลเอนด์
           ค. โปรแกรมที่มีการติดต่อระหว่างกัน
           ง. ไม่มีข้อถูก
    วิเคราะห์
    ข้อก. ผิด เพราะโปรแกรมในการติดต่อสื่อสารหน้าต่อหน้า คือโปรแกรม chat เช่นโปรแกรม ooVoo Chat
    ข้อข. ถูกต้อง เพราะCGI (Common Gateway Interface) Program คือโปรแกรมที่ทำงานเป็นตัวกลางระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับไคลเอนด์
    ข้อค. ผิด เพราะโปรแกรมที่มีการติดต่อระหว่างกันคือ Network programming
    ข้อ ง. ผิดเพราะข้อ ข ถูกต้อง

    5.สื่อกลางที่ใช้มากในการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายแลนคือข้อใด
        ก. สายคู่บิดเกลี่ยว
        ข. สายโคแอกเชียล
        ค. สายเส้นใยนำแสง
        ง.  สายโทรศัพท์
    วิเคราะห์
    ข้อก. 5ถูกต้อง เพราะสายคู่บิดเกลี่ยวคือสื่อกลางที่ใช้มากในการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายแลน
    ข้อข. ผิด พราะสายโคแอกเชียลป็นสายสัญญาณที่ใช้เป็นสื่อกลางการเดินทางของข้อมูลในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ป็นสายสัญญาณประเภทแรกที่ใช้และเป็นที่นิยมมากในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สมัยแรกๆ
    ข้อค. ผิด เพราะ สายเส้นใยนำแสงมีราคาที่แพงมากเพราะนำกระแสไฟได้ดี
    ข้อ ง. ผิดเพราะสายโทรศัพท์ไม่ใช่สื่อกลางที่ใช้มากในการสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายแลน
    ที่มา
    http://younarr.blogspot.com/2012/02/o-net.html
    http://techno.oas.psu.ac.th/content/51
    http://www4.csc.ku.ac.th/~b5340202941/m2.html